เทิร์นเทเบิ้ล แพลตเตอร์ เบลท์ไดรฟ์ โทนอาร์ม หัวเข็ม MM/MC ปรีโฟโน่ แอมป์พลิฟายเออร์ ลำโพง passive/active สายต่อ RCA นี่คือแค่ส่วนหนึ่งของอุปกรณ์พื้นฐานที่เรากล้าท้าว่าคุณจะต้องหมกมุ่นและกุมขมับอยู่กับมันเป็นแรมเดือน ทันทีที่มีความคิดว่าอยากเริ่มต้นเข้าสู่วงการเครื่องเล่นแผ่นเสียง และเอ่ยปากถามเหล่านักฟังเพลงสายอะนาล็อกตั้งแต่ระดับมือใหม่ไปจนถึงสายหูทิพย์อย่างออดิโอไฟล์ว่า “แนะนำอะไรดี?”
หลายครั้งหลายหนที่ทุกคนโยนคำถามประมาณนี้มาให้ เรามักจะตอบกลับด้วยคำพูดติดตลกว่า “อย่าเพิ่งรีบไป คุณสามารถเก็บสะสมแผ่นเสียงได้ก่อนที่จะมีเครื่องเล่นนะรู้หรือยัง” แต่ลึกๆ แล้วมันก็พอจะมีเหตุผลอยู่ว่าทำไมกัน เราถึงไม่กล้าแนะนำอะไรแบบจัดเต็มอย่างนั้นกับมือใหม่ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลำโพงบลูทูธมันเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงไม่ได้โดยตรง (หรือได้ก็ไม่ดีและผิดวิถีของการฟังแผ่นเสียงที่ต่างจากสตรีมมิ่งมิวสิคโดยสิ้นเชิง) ก็เพราะว่ากับดักของอุปกรณ์พื้นฐานที่ดูจะเป็นงานช้างสำหรับคนที่ไม่เคยศึกษาอะไรมาเลย ทำให้พวกเขาหลายคนต้องตัดใจและยอมแพ้แล้ว pair สมาร์ทโฟนกับลำโพงคู่ใจเหมือนเดิม
เราขอบอกว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้ แต่ให้เริ่มต้นจากอะไรง่ายๆ ค่อยๆ ศึกษา ดูหน้าตาและการใช้งานของมันก่อนไปสู่การก้าวไปอีกขั้นของประสบการณ์ฟังเพลง ถ้าผู้อ่านคนไหนกำลังอ่านบทความนี้และมีความคิดว่าอยากจะเริ่มต้นเล่นแผ่นเสียง เราคัดเลือกและเรียบเรียงเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบ All-in-one ที่รับรองว่าถูกใจทั้งหน้าตา ถูกจริตกับระดับราคา และมันจะพาคุณไปสู่เครื่องเล่นที่ซับซ้อนกว่าได้
Teac
LP-R550USB
15,000 – 20,000 บาท
หากใครติดใจกับหน้าตาเครื่องเสียงประเภทมินิคอมโป้จากแบรนด์เครื่องเสียงญี่ปุ่น แบบที่เคยเห็นในบ้านคุณพ่อคุณแม่สมัยเด็กๆ รับรองว่าต้องถูกใจ แม้จะให้ภาพลักษณ์ที่ออกจะเฉิ่มเชยสักหน่อย เพราะเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบ All-in-one ชิ้นแรกที่เราเอามาแนะนำนี้ มีดีมากกว่าแค่เล่นแผ่นเสียง เพราะมันสามารถเล่นได้หลายฟอร์แมตไม่ว่าจะเป็นเทปคาสเซ็ท, ซีดี, ช่องต่อสาย USB ที่สามารถบันทึกเสียงจากแผ่นเสียง, เทปคาสเซ็ท และซีดี ออกมาเป็นดิจิทัลไฟล์เอาไว้ฟังในเครื่องเล่นสมัยใหม่ได้ และยังสามารถต่อกับลำโพงภายนอกได้อีกด้วยซ้ำ รับรองว่าคุณจะไม่ต้องมองหาอุปกรณ์อะไรเพิ่มเติมอีก เพียงแค่เสียบปลั๊กและเปลี่ยนโหมดที่อยากเล่น แล้วนั่งฟังมันอย่างสบายใจ ในราคาที่เหมาะสมกับมือใหม่ แต่ยังได้คุณภาพของเสียงและรูปลักษณ์ที่เราอยากบอกว่า “ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่” เลยแม้แต่น้อย
Hym Originals
Seed
30,000 – 35,000 บาท
“The turntable that is beyond expectation” คือคำนิยมที่หลายๆ เว็บบอร์ดทั่วโลกชื่นชมกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบ All-in-one สัญชาติไต้หวันเครื่องนี้ เพราะนอกจากภาคดนตรีที่ใช้อุปกรณ์อย่างดี สมราคา ผลิตเนื้อเสียงออกมาแบบเกินความคาดหมาย คือหน้าตาและขนาดกะทัดรัด จะวางไว้ตรงไหนก็ดูไฉไลไปเสียทุกที่
ภายใต้หน้าตาที่แปลกประหลาดแบบสี่เหลี่ยมคางหมูแต่ดูเก๋าเกมส์ Seed มาพร้อมหัวเข็มที่ให้เสียงรบกวนน้อย พร้อมแอมป์ที่มีกำลังขับถึง 25 วัตต์ ภายใต้ดอกลำโพงที่เล็กๆ ขนาดเพียง 4 นิ้ว มีระบบการปรับความเร็วรอบของเครื่องที่ 33 ½ RPM และ 45 ½ RPM แบบมาตรฐานที่ควรจะเป็น หรือถ้ายังไม่พอใจกับสุ้มเสียงที่ได้ ก็มีช่องให้ต่อสายออกไปลำโพงขนาดใหญ่ได้อีก และที่สำคัญมันรองรับการเล่นไฟล์เพลงจาก SD Card และ บลูทูธ เมื่อคุณเบื่อการหยิบแผ่นเสียงออกจากตู้หรือไม่รู้ว่าแผ่นที่ขอบไปเก็บเอาไวตรงไหน เรารับรองได้ว่า Seed จาก Hym Originals จะไม่ทำให้ใครต้องผิดหวังถ้าได้มีโอกาสเป็นเจ้าของสักครั้งหนึ่ง
Braun
SK55
45,000 – 55,000 บาท
หนึ่งในผลิตผลของยอดคนดีไซน์ระดับตำนาน Dieter Rams แห่งเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติเยอรมันอย่าง Braun ที่เขาวางโจทย์เอาไว้ว่า “Less But Better” ที่ทำให้การออกแบบของเจ้าเครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องนี้ยังคงดูร่วมสมัยอยู่เสมอ แม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 50 ปีแล้ว ด้วยรูปทรงกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดยาว 90 เซนติเมตร ที่คู่แข่งในยุคนั้นขนานนามให้ว่า “Snow White’s Coffin” หรือโลงศพสโนวไวท์ไร้เดียงสา ขนาบข้างด้วยไม้บีชเนื้อดี ตัวถังเหล็กพ่นสีฝุ่น ปุ่มกดที่น้อยแต่ทำงานได้มากกว่าที่ตาเห็น ไปจนถึงรูร่องของลำโพงแบบ Built-in ดอกเดียวที่ออกจะฟังดูแปร่งๆ แต่ยังทรงพลังเหมาะกับแนวเพลงตั้งแต่แจ๊สเสียงใสไปยันเฮฟวี่เมทัลอันแสนดุดัน ทำให้เครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องนี้เป็นอีกเครื่องที่อยากแนะนำ หากโจทย์ของคุณคือดีไซน์ที่มาก่อนเรื่องภาคไฟฟ้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณภาพเสียงจะสู้ใครเขาไม่ได้ เพราะ Braun SK Series นี้ถือว่ามีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนและแตกต่าง (เมื่อได้ลองฟังเปรียบเทียบดูกับลำโพงรุ่นวินเทจหรือรุ่นใหม่หลายๆ ยี่ห้อ)
ส่วนคำถามที่ว่าเพราะอะไรจึงต้องเป็นรุ่น SK55 ก็เพราะว่าเป็นรุ่นที่ค่อนข้างแพร่หลายในประเทศไทย คุณอาจจะเห็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์วินเทจนำเข้ามาขายบ้างประปราย ซึ่งใน SK Series นี้ถือว่าเป็นราคาและสภาพที่คุ้มค่ามากที่สุดรุ่นหนึ่ง รองจากรุ่นพี่อย่างจำพวก SK4, SK5 ที่เข้าขั้นของเก็บขึ้นหิ้งของพิพิธภัณฑ์ MoMa ที่สหรัฐอเมริกาไปเสียแล้ว และมีราคาค่าตัวทะลุเกินกว่า 100,000 บาทไปเป็นที่เรียบร้อย
การใช้งานก็แสนจะง่ายดาย เพียงแค่คุณเปิดฝา (โลง) วางแผ่นลงไป หยิบโทนอาร์มมาแล้วบิดไปด้านขวาเพียง 1 กึ๊กแล้วบรรจงวางเข็มลงบนแผ่นเสียง หลังจากนี้ก็เพียงกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวโปรด เหยียดเอนกาย แล้วฟังเสียงเพลงที่มีกลิ่นดีไซน์แบบฉบับสำนัก Bauhaus ได้ทันที
+Audio
The+Record Player Special Edition
59,000 บาท
มาถึงเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบ All-in-one เครื่องสุดท้ายที่เราอยากแนะนำ คือเครื่องเสียงลูกผสมระหว่างอนาล็อกและดิจิทัลที่แสนจะลงตัว ตอบโจทย์คนรักดีไซน์แบบดั้งเดิมแต่ยังเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีที่ครบครันและประหยัดพื้นที่ใช้สอย ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือกำลังศึกษาเรื่องเกี่ยวกับออดิโอไฟล์ก็ไม่เกี่ยง เพราะรวมเอาเครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องขยายเสียง (Amplifier) ลำโพง (Speakers) ระบบการเล่นกลับ (Reproduction) แบบดิจิทัล และลำโพงบลูทูธที่เป็นมิตรกับเสียงเพลงแบบ Streaming ผ่านสมาร์ทโฟน พอร์ทการเชื่อมต่อที่หลากหลายทั้ง USB Input/Output มาอยู่ในกล่องเดียวกัน
นอกจากหน้าตาที่ดูเคร่งขึมด้วยวีเนียร์ลายไม้ที่ดูคล้ายเครื่องเสียงวินเทจยุคกลางแล้ว ระบบเสียงยังทรงพลังด้วยระบบ Bi-Amp แยกการขับลำโพงทุ้มและแหลมพร้อมกลไกป้องกันการสั่นสะเทือนเมื่อเปิดเสียงดัง และดอกลำโพงตอบสนองย่านเบสขนาด 3.5 นิ้ว แบบ High-Excursion 2 ตัว พร้อมดอกลำโพงขับเสียง 1 นิ้ว แบบ Soft-Dome 2 ตัว
ส่วนเรื่องโทนอาร์มก็ไม่ต้องไปศึกษาและค้นคว้าให้ยุ่งยาก เพราะ THE+RECORD PLAYER มาพร้อมโทนอาร์มที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์จาก Pro-Ject Debut III และหัวเข็ม Ortofon 2M Red (มีในเฉพาะในรุ่น Special Edition) ที่จะไม่ทำให้แผ่นเสียงปีลึกของคุณต้องถูกสะกดพลังแห่งรายละเอียดเอาไว้ เพราะอุปกรณ์ของเครื่องเล่นแผ่นเสียงทั่วๆ ไปไม่ได้มาตรฐานพอ
และแน่นอนว่ามีขาย ที่นี่ ด้วยราคาและข้อเสนอพิเศษที่คุณจะไม่ต้องไปหาที่ไหนอีกแล้ว