เคยไหมออกไปลองฟังเพลงที่ร้าน ไม่ว่าเขาจะเปิดแผ่นไหนก็ฟังเพราะ พอซื้อมาไว้ที่บ้านกลับไม่เหมือนที่ลองฟัง มันเพราะอะไรกันนะ
บางครั้งที่เราไปลองยืนกอดอกฟังเครื่องเสียงในห้างร้านซักที่ เกิดชอบจนตกลงปลงใจซื้อมาฟังที่บ้าน แต่กลับรู้สึกว่าไม่เพราะเหมือนตอนทดลองฟังที่ร้านเลย
ตัวการหลักๆมาจากเสียงจากต้นกำเนิดเดินทางมาถึงหูเราในระยะทางที่ต่างไปจากเดิม คล้ายๆกับปรากฏการณ์เรียกว่า Doppler Effect ที่เกิดขึ้นในขณะที่รถพยาบาลวิ่งผ่านตัวเราไป ยิ่งห่างไปเท่าไหร่ เสียงไซเรนจากรถพยาบาลก็ยิ่งฟังบิดเบี้ยวเพี้ยนไปจากตอนแรก หรือเวลาเราไปดูคอนเสิร์ต ถึงแม้ประตูจะปิดอยู่ แต่เรายังคงได้ยินย่านเสียงต่ำหลุดรอดออกมาจากด้านใน พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือคลื่นเสียงในย่านความถี่ต่างๆมีความสั้นยาวและความสามารถในการเดินทางผ่านอากาศเป็นระยะทางต่างๆ หรือตัวกลางอื่นในสภาพแวดล้อมจนมาถึงหูเราไม่เท่า และพร้อมกัน
การที่เราได้ยินเสียงจากชุดเครื่องเสียงเปลี่ยนไปจากทดลองฟังที่ร้าน สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลจากหลายปัจจัย ทั้งขนาดพื้นที่ห้อง การ Toe In-Out (ปรับองศาของลำโพง) และสิ่งแวดล้อมโดยรวม ทำให้ Focus ของเสียง และ Sweet Spot หรือจุดที่หูของคุณรู้สึกว่าเสียงดีที่สุด ขยับไปจากเดิม แม้จะเป็น hardware ชุดเดียวกัน รู้อย่างนี้แล้วอะไรจะมาช่วยผู้ฟังอย่างเราได้?
คำตอบคือ DSP หรือ Digital Signal Processing ศัพท์คำนี้ ผู้อ่านหลายท่านที่เป็นนักดนตรีอาจจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งเจ้า DSP จะทำหน้าที่หลักๆจัดการควบคุมค่าต่างๆ เช่น EQ, Crossover, Digital Time-Delay, Compressor หรือ Limiter ให้กับสัญญาณคลื่นเสียงก่อนจะผ่านออกไป
ชื่ออาจจะชวนงงเล็กน้อย แต่หลักๆแล้วหน้าที่โดยรวมคือ ควบคุมความดังเบาของสัญญาณเสียง ปรุงและปรับแต่งให้แต่ละย่านเสียงกลมกล่อม ไม่ทับซ้อนกัน ตัดเสียงสะท้อน ตลอดจนคอยหน่วงสัญญาณแต่ละย่านความถี่ให้เดินทางมาถึงหูคุณพร้อมๆกัน อย่างที่ต้นทางของเสียงควรจะเป็น
ลองนึกภาพว่ามี Sound Engineer ตัวน้อยๆแสนขยัน นั่งอยู่ในชุดเครื่องเสียงของคุณ คอยปรุงแต่งสัญญาณเสียงแบบ Realtime หลายสิบล้านครั้งต่อวินาที ก่อนจะได้ยินมาถึงคุณที่นั่งเอกขเนกฟังเสียงเพลงเพราะๆ อยู่หน้าชุดเครื่องเสียง ให้ได้รับประสบการณ์เสียงที่ดีที่สุด เท่าที่เครื่องเสียงชุดนั้นจะให้คุณได้
แต่ก่อน DSP Unit เป็นเรื่องที่คนเล่นระบบเครื่องเสียงต้องจริงจังในการเลือกเฟ้นให้เหมาะกับชุดเครื่องเสียงของคุณ และราคาก็สูงเอาเรื่อง แต่ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก แม้แต่เครื่องเสียง All-In-One คุณภาพสูงหลายแบรนด์ก็มีการนำ DSP บรรจุเข้ามาในเครื่องด้วย สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนปัจจุบันที่เปลี่ยนไป แยกออกมาจากครอบครัวใหญ่ อาศัยในพื้นที่จำกัดมากขึ้น แต่ใจก็ยังโหยหาที่จะได้เสพเสียงที่มีคุณภาพสูงเช่นเดิม
ทุกวันนี้เครื่องเสียงชุดใหญ่อาจจะไม่ใช่คำตอบของทุกบ้านอีกต่อไป ในสภาวะปัจจุบันที่การใช้ชีวิตค่อนข้างเร่งรีบ เครื่องเสียงกล่องเดียวจบที่ไม่ต้องต่ออุปกรณ์เสริมแยกชิ้น และค่าใช้จ่ายในการดูแลต่ำจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
การเลือกซื้อเครื่องเสียง All-In-One ที่มากับ Pre-Amp และ DSP ในตัวจึงเอื้อต่อการใช้ชีวิตในพื้นที่จำกัด แต่ก็ยังสามารถดื่มด่ำกับ Sweet Spot และคุณภาพจากเสียงดนตรีได้เทียบเท่าเครื่องเสียงชั้นดี โดยไม่เสียอรรถรส
